เรียนฟรี! 10 เว็บไซต์ออนไลน์หลักสูตรเมืองนอก

ด้วยพัฒนาการของโลกที่ก้าวไกลไปทุกที หลังจากที่มนุษย์เริ่มรู้จักคำว่า “Internet” เข้า มามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการศึกษา โลกของการเรียนฟรีในอนาคตกำลังจะเกิดขึ้น ภายใต้เครือข่ายที่ถูกเชื่อมโยงด้วยอินเตอร์เน็ต มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งทั่วโลกต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการศึกษา ด้วยตนเอง เพียงแค่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ก็จะสามารถเข้าถึงหลักสูตร ลงทะเบียนเรียนได้เลยทันที และเมื่อจบหลักสูตรบางสถาบันก็จะมีใบประกาศนียบัตร หรือใบรับรองให้อีกด้วย เรื่อราวดีๆ แบบนี้ Life on campus จึงไม่พลาดที่จะรวบรวม 10 เว็บไซด์เรียนออนไลน์หลักสูตรเมืองนอกฟรี ที่ ไม่ใช่แค่ถูก...แต่ฟรีแล้วดียังมีในโลก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่อยากไปเรียนต่อเมืองนอก ลองเข้ามาเรียนแบบออนไลน์เพื่อฝึกภาษาในการฟังเลคเชอร์กันก่อนก็จะดีไม่น้อย เลยทีเดียว...             1. 'Coursera' รวมหลักสูตรออนไลน์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วอเมริกา                เว็บไซต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการศึกษาออนไลน์ "Coursera" ได้ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาให้ครอบคลุมหลักสูตรออนไลน์ให้หลากหลายมากที่สุด ปัจจุบันมีให้เลือกกว่า 800 หลักสูตร และมีคนลงทะเบียนเรียนกว่า 9 ล้าน 5 แสนคนทั่วโลก เริ่มมีการเปิดให้ใช้เมื่อเดือนเมษายน ในปีค.ศ.2012 ก่อตั้งโดย professors Andrew Ng และ Daphne Koller จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนออนไลน์ที่ดีที่สุดในโลกครอบคลุมเนื้อหาในทุกหมวดหมู่ อาทิเช่น วิทยาศาสตร์, กฏหมาย, สังคมศาสตร์, ศิลปะ, ดนตรี, อักษรศาสตร์, สิ่งแวดล้อม, ฯลฯ เริ่มแรกต้องสมัครสมาชิก และเลือกคอร์สที่ต้องการ ลงทะเบียนเรียน ซึ่งแต่ละคอร์สจะบอกจำนวนสัปดาห์ที่เรียน ส่วนใหญ่จะเป็นคอร์สสั้นๆ ระยะเวลา 1-3 เดือน เรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง วิธีการเรียนคือ ดู video lecture และทำแบบทดสอบหลังจบแต่ละตอน มีการบ้านให้ทำ ถ้าส่งตามเวลาที่กำหนดก็จะมีคะแนนเพื่อประเมินผล หรือบางคอร์สอาจจะไม่มีการบ้านเลยก็ได้              เมื่อเรียนจบคอร์สแล้วจะมีใบประกาศนียบัตรพร้อมกับลายเซ็นต์ของอาจารย์ผู้สอน เป็นไฟล์ในรูปแบบดิจิตอล สำหรับ Coursera มีทั้งคอร์สเรียนที่เป็น Free Enroll (ลงทะเบียนเรียนฟรี) และแบบ Signature Track Enroll (ลง ทะเบียนเรียนแบบเสียค่าใช้จ่าย) โดยทั้งสองแบบแตกต่างกันตรงที่ว่าเรียนออนไลน์แบบฟรี จะได้รับใบประกาศจากทางเว็บไซต์ จะมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า แบบเสียค่าใช้จ่ายเพราะจะเป็นใบประกาศที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่านั่นเอง สำหรับในประเทศไทยเริ่มมีการพูดถึง Coursera จำนวนหนึ่ง และได้รวมตัวกันสร้างแฟนเพจขึ้นมาชื่อว่า “Coursera Thai Association” ใครที่สนใจสามารถเข้าไปกดไลค์ หรือกดติดตามกันได้              สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> Coursera             2. MIT OpenCourseWare เว็บเรียนฟรี จากมหาวิทยาลัยชื่อก้องโลก                นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่รู้จัก "MIT OpenCourseWare” หลักสูตรเรียนฟรีของสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกอย่าง MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology อาจด้วยยังไม่ได้มีการกระจายข่าวกันอย่างจริงจังมากนักในประเทศไทย บวกกับการที่เป็นเว็บไซต์ภาษาอังกฤษทั้งหมดก็ทำให้นักศึกษาหลายคนไม่เข้าใจ ซึ่ง MIT OpenCourseWare เป็นการนำบทเรียนและแบบฝึกหัดที่ใช้สอนจริงใน MIT มา ใช้ในการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ที่คนทั่วไปสามารถเข้าไปศึกษาได้เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เท่านั้นเป็นพอ หลังจากนั้นก็เข้าไปที่เว็บไซด์ http://www.ocw.mit.edu จะมีหลักสูตรให้เลือกเรียนกว่า 2,150 หลักสูตรด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น วิชาวิทยาศาสตร์, คณิต, อังกฤษ, วิศวกรรมศาสตร์, วิชาของ Business School และอื่นๆ อีกมากมาย              แต่ละวิชาจะมีโครงสร้างหลักสูตร เนื้อหา และรายละเอียดของวิชา ในรูปเเบบของ Lecture, ข้อสอบ เเละเเบบฝึกหัดในรูปเเบบของ PDF สามารถดาวน์โหลดได้ด้วยตนเอง สำหรับเกณฑ์ในการสอบผ่านจะเป็นการทำแบบทดสอบของ MIT ด้วยตัวเอง ต้องทำได้ 60 เปอร์เซ็นต์ จึงจะถือว่าสอบผ่าน MIT เป็นที่เรียบร้อย สำหรับผู้ที่สนใจเรียนออนไลน์กับ MIT ก็มีแฟนแพจสำหรับคนไทยที่ชื่อว่า “MIT OCW Club Thailand” จำนวนผู้กดไลค์ 2 พันนิดๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> MIT OpenCourseWare             3. สองมหาวิทยาลัยยักษ์ใหญ่การันตี 'edX' เว็บไซต์เรียนออนไลน์ที่ดีที่สุด                อีกหนึ่งเว็บไซต์การศึกษาออนไลน์ที่น่าสนใจมากๆ แห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า “edX” เป็นการร่วมมือระหว่างสองมหาวิทยาลัยยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง “MIT และ Harvard” ดำเนินการโดยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรภายใต้การควบคุมของสองสถาบัน จึงเปิดให้เป็นการเรียนแบบออนไลน์ฟรีสำหรับนักเรียนที่สนใจจากทั่วโลก และยังเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกหลายแห่ง ซึ่งคอร์สแรกที่เปิดในช่วงปี 2012 เป็นสาขา Electronic หลักสูตรต้นแบบที่ไม่มีปริญญาให้ แต่นักศึกษาจะได้รับ Certificate แทน สามารถเข้าไปสมัครได้ที่เว็บ edx.org เพื่อดูหลักสูตรและเลือกลงทะเบียนเรียน จะมีด้วยกัน 3 แบบคือ Audit, Honor Code และ Verified ซึ่งสองแบบแรกจะไม่มีค่าใช้จ่าย              โดยแต่ละวิชาจะเรียนประมาณ 10 กว่าสัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง จะมีตารางบอกรายละเอียดการเรียนว่าจะเรียนเรื่องอะไรบ้าง พร้อมกับแบบฝึกหัด และการบ้านที่ต้องส่ง งานชิ้นไหนจะคิดเป็นคะแนนเก็บบ้าง ผู้เรียนจะต้องจำให้แม่น เพราะถ้าไม่ส่งก็อาจเสียคะแนนในส่วนนี้ได้ ความโดดเด่นของ edX จะอยู่ที่คอร์สคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ และเมื่อศึกษาจนจบคอร์สแล้ว จะได้รับใบประกาศนียบัตรในรูปแบบของ PDF เราสามารถไปโหลดได้เลย แต่แบบเรียนฟรีกับเสียค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะการลงทะเบียนแบบ Verified จะเป็นหลักสูตรที่เข้มข้น เหมือนกับการเรียนในมหาวิทยาลัยจริง ดังนั้นในประกาศนียบัตรในแบบของ Verified จึงมีความน่าเชื่อถือ และเหมือนกับใบปริญญาจริงมากนั่นเอง             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> edX                     4. แอดวานซ์รูปแบบการเรียนรู้ 'ALISON' ตอบโต้แบบออนไลน์                ALISON เว็บไซต์การศึกษาคุณภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีระบบการตอบโต้แบบออนไลน์ เป็นคอร์สออนไลน์ระยะสั้นที่เปิดสอนวิชาที่มีเปิดสอนจริงๆ ในมหาวิทยาลัย แต่เป็นการเรียนการสอนผ่านวิดิโอ โดยอาจารย์ที่สอนจริง และมีการเก็บคะแนน การทำแบบทดสอบเหมือนการเรียนที่มหาวิทยาลัย เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกได้ศึกษาผ่านระบบการเรียนออนไลน์ฟรี ผ่านเว็บไซต์ alison.com ถือว่ายังเป็นเว็บน้องใหม่จึงยังไม่ค่อยมีวิชาหรือหลักสูตรให้เลือกมากนัก วิธีการสมัครก็เหมือนกับเว็บไซต์เรียนออนไลน์ทั่วไป ลงทะเบียนและเลือกหลักสูตรที่เราต้องการ จากนั้นก็ดูตารางวิชาที่เรียน ระหว่างที่เรียนเนื้อหาแต่ละวิชา จะมีช่องสำหรับตั้งคำถามเมื่อเราสงสัยอะไร ก็สามารถโพสถามไปยังอาจารย์ได้ทันที หรือมีการโต้ตอบระหว่างผู้เรียนอื่นๆ ที่สามารถให้คำตอบหรือคำปรึกษาแกเราได้              เมื่อเรียนเสร็จแล้วก็จะมีการทดสอบเก็บคะแนน เกณฑ์ที่เราจะต้องสอบผ่านในแต่ละวิชาก็คือ 80% ขึ้นไป ถ้าไม่ผ่านก็ต้องสอบใหม่จนกว่าจะผ่านนั่นเอง ซึ่งเมื่อเราจบหลักสูตรแล้วก็จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองในรูปแบบของไฟล์ PDF สามารถดาวน์โหลดได้ทันที หรือถ้าใครอยากได้ใบจริงก็จะมีบริการส่งให้ถึงบ้าน แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งระหว่างประเทศด้วย             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> ALISON             5. The Open University แหล่งเรียนรู้ไม่จำกัดประสบการณ์                มหาวิทยาลัยเปิด หรือ The Open University (OU) สถาบันการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ เปิดสอนหลักสูตรในระดับปริญญาตรีให้กับนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1970 เพื่อขยายโอกาสการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้กว้างมากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เข้าศึกษาในระบบหลัก จุดเด่นของหลักสูตร Ou ก็คือ “ไม่จำกัดประสบการณ์และวุฒิการศึกษา” ทุกคนสามารถลงทะเบียนเรียนออนไลน์ได้ ถือเป็น “หลักสูตรเรียนทางไกล” แบบออนไลน์จากที่บ้าน ซึ่งสำนักงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่ Buckinghamshire ส่วนสำนักงานประจำเขตอื่นๆ ก็มีถึง 13 แห่งทั่วเกาะอังกฤษ รวมถึงสำนักงานในประเทศโซนยุโรปอีก 3 แห่งด้วย              โดยคณะที่เปิดสอนที่นี่มีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ศิลปะ ประวัติศาสตร์ ธุรกิจ การศึกษา สารสนเทศ การคำนวณ คณิตศาสตร์ สถิติ วิทยาศาสตร์ สุขภาพ และเทคโนโลยี ผู้ ที่สนใจศึกษาสามารถลงทะเบียนและเลือกเรียนหลักสูตรที่สนใจ พร้อมตารางการศึกษาได้ทันที มีทั้งคอร์สเรียนฟรี และแบบเสียค่าใช้จ่าย เมื่อจบหลักสูตรแล้วคุณก็สามารถดาวน์โหลดและพิมใบรับรอง หรือ “Statement of Participation” เพื่อยืนยันว่าคุณได้ผ่านหลักสูตรนั้นๆ มาแล้วอีกด้วย             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> The Open University             6. มหาวิทยาลัยเยล จัดเต็มหลักสูตรออนไลน์ 'Open Yale Courses'                มหาวิทยาลัยชื่อ ชั้นนำของโลกอย่างมหาวิทยาลัยเยล ได้เปิดหลักสูตรออนไลน์สำหรับผู้คนที่สนใจ สามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ทางเว็บไซต์ “Open Yale Courses” เปิด ทำการเมื่อปี ค.ศ.2007 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาผ่านเทคโนโลยี หลากหลายหลักสูตรที่ทำการสอนโดยคณาจารย์ชื่อดัง และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเยล ที่ถูกบันทึกไว้ในคลาสเรียนของแต่ละวิชา ในรูปแบบของวิดีโอ และไฟล์เสียง โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน               สามารถเข้าไปเลือกดูหลักสูตรต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ oyc.yale.edu จะมีหลักสูตรให้เลือกมากมาย พร้อมกับดูรายละเอียดของแต่ละวิชา จะมีเลคเชอร์และเอกสารอื่นๆ ในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ ZIP สำหรับดาวน์โหลด พร้อมคลิปวิดีโอการสอนในห้องเรียนทางเว็บไซต์ Open Yale Courses, iTunes U และ YouTube ทุก คนสามารถเข้าถึงหลักสูตรต่างๆ จากมหาวิทยาลัยเยลได้ ประหนึ่งเข้าไปนั่งเรียนในห้องเรียนจริง แต่เมื่อจบหลักสูตรก็จะไม่ได้รับเครดิต หรือใบประกาศจากทางมหาวิทยาลัยใดๆ ทั้งสิ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากมหาวิทยาลัยดังระดับโลกที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนฟรีนั่นเอง             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> Open Yale Courses             7. มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จัดเต็มหลักสูตรยอดนิยมออนไลน์ฟรี                มหาวิทยาลัยชื่อ ดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกันพัฒนาระบบการศึกษาออนไลน์ ด้วยการนำวิดิโอการเรียนการสอนและไฟล์เสียงในแต่ละวิชา เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ฟรี ผ่านทางเว็บไซต์ ทั้งถ่าายทอดสดผ่านเว็บ และวิดิโอดีแมนด์ ที่อัดแน่นไปด้วยหลักสูตรยอดนิยมมากมาย ผู้สนใจสามารถคลิกเข้าไปดูหลักสูตรและวิชาที่สนใจผ่านทาง youtube และ iTune U ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนของโลกก็สามารถนั่งฟังเล็คเชอร์ออนไลน์จากมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เลย แบบไม่ต้องลงทะเบียน และไม่ได้ใบประกาศนียบัตรใดๆ เมื่อเรียนจบ              โดยสามารถเลือกฟังบรรยายวิชาที่เปิดสอนในแต่ละเทอมพร้อมกับนักศึกษาที่กำลังศึกษาจริงที่ UC Berkeley เข้าไปค้นหารายวิชาที่สนใจได้ที่ “webcast.berkeley.edu” เปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ podcast และ webcast มีวิชาต่างๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา เคมี การเขียนโปรแกรม วิศวกรรมศาสตร์ จิตวิทยา กฎหมาย และปรัชญา มีเพียงคลิปวิดิโอและไฟล์เสียงในการสอนเท่านั้น แต่ไม่มีการให้ดาวน์โหลดเอกสารใดๆ นักศึกษาที่สนใจจะต้องฟังเล็คเชอร์จากอาจารย์เอง อาจทำให้น่าเบื่อไปบ้างเพราะบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ และแต่ละวิชาก็ใช้การบรรยายกว่า 1 ชั่วโมง นั่นเอง             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> webcast.berkeley             8. สแตนฟอร์ดเปิดหลักสูตร 'คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์' ออนไลน์เรียนฟรีไม่มีกั๊ก                มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ดได้พัฒนาเนื้อหาหลักสูตรออนไลน์รูปแบบใหม่ เพื่อปรับปรุงหลักสูตรในมหาวิทยาลัยให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากขึ้น เปิดโอกาสทางการเรียนรู้ด้วยหลักสูตรเรียนออนไลน์ฟรี ภายใต้โครงการ “Stanford Engineering Everywhere (SEE)” เปิดการศึกษาขั้นสูงออนไลน์ฟรี ที่เน้นในด้านของคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ให้เรียนฟรี จัดมาให้แบบเต็มพิกัด ทั้งวิดิโอการบรรยาย สื่อการสอนที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี หลักสูตร เอกสารประกอบ การบ้าน และข้อสอบ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมหลักสูตรและทดลองเรียนกับ SEE ได้ที่ http://see.stanford.edu/              นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดยังได้เปิดหลักสูตรเรียนออนไลน์ฟรีในสาขาอื่นๆ อีกมากมายที่เว็บไซต์ online.stanford.edu/courses สามารถเข้าไปเลือกชมหลักสูตรต่างๆ และลงทะเบียนเรียนได้ทันที หรือจะดาวน์โหลดเนื้อหาผ่านโปรแกรม iTunes ในส่วนของโครงการ Stanford Courses on iTunes U ก็จะมีเนื้อหาและวิชาต่างๆ ของมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดให้เลือกดาวน์โหลดมาฟังผ่าน iPod ได้ทันทีทาง http://itunes.stanford.edu/ สะดวกช่องทางไหนสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมกับมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดกันได้เลย             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> SEE และ Stanford Courses             9. 'University of the People' มหาวิทยาลัยของประชาชนทั่วทุกมุมโลก                มหาวิทยาลัยของประชาชน หรือ University of the People เปิดให้สมัครเรียนฟรี ผ่านระบบออนไลน์จากทั่วโลก และได้รับการรับรองวิทยะฐานะอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมากที่ Free Online University ที่จะได้รับการรับรอง เนื่องจาก Distance Education and Training Council ของอเมริกาไม่ได้รับรองมหาวิทยาลัยที่ไหนง่ายๆ ประชาชนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถลงทะเบียนเรียนกับ University of the People ได้ เหมือนมหาวิทยาลัยปกติทั่วไป แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ คือ  มีเพียงเสียค่าสมัครเรียนระหว่าง 0-50 เหรียญ ขึ้นอยู่กับว่าผู้สมัครมาจากประเทศที่มีฐานะร่ำรวยมากน้อยเพียงใด นอกจากนั้นก็จะมีค่าสอบที่มีเจ้าหน้าที่ในประเทศผู้สมัครเป็นผู้ดูแล มีค่าใช้จ่าย 100 เหรียญ อย่างไรก็ตามก็มีทุนให้หลายรูปแบบเพื่อช่วยสำหรับผู้ที่ไม่สามารถมีค่าใช้ จ่ายเหล่านี้              หลักสูตรที่เปิดการเรียนการสอนที่ University of the People ประกอบไปด้วย Business Administration กับ Computer Science ผู้เรียนส่วนใหญ่จะมาจากทวีปแอฟริกา และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวทิยาลัยแห่งนี้กว่า 2,000 คน จาก 150 ประเทศทั่วโลก เมื่อศึกษาจบหลักสูตรก็จะได้รับใบปริญญาบัตรเหมือนมหาวิทยาลัยปกติทั่วไป             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> University of the People             10. 'Khan Academy' เรียนรู้ได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก                เอาใจน้องๆ ในระดับมัธยมศึกษากันบ้างกับเว็บไซต์ชื่อดัง 'Khan Academy' มีมาเขย่าวงการการศึกษาทั่วโลก โดยผู้ริเริ่มก่อตั้งคือ Salman Khan นักการศึกษาผู้เผยแพร่ความรู้ด้วยต้นทุนต่ำที่สุด เป็นผู้ริเริ่มและทำการสอนบทเรียนต่างๆ และเผยแพร่ผ่าน youtube โดยมีจุดเด่นก็คือ Salman Khan สามารถสอนบทเรียนยากๆ ที่ใครก็ไม่อยากเรียนให้เป็นเรื่องง่ายๆ จนกลายมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของน้องๆ นักเรียนทั่วโลก โพสท์บทเรียนต่างๆ เป็นคลิปวีดีโอบน YouTube คลิปละ 6-8 นาที ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่จุดไหนบน โลกใบนี้ก็ตาม เพียงแค่คุณมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็สามารถเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น              ปัจจุบัน Khan Academy มี เนื้อหามากกว่า 3,000 บทเรียน มีคนเข้ามาชมคลิปบทเรียนต่างๆ เป็นจำนวนมาก ครอบคลุมหลายประเภทเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐศาสตร์, ประวัติศาสตร์, คณิตศาสตร์, เคมี, ฟิสิกส์, ชีววิทยา และอีกมากมาย ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาได้หลายช่องทางไม่ว่าจป็น youtube หรือผ่านทางเว็บไซต์ khanacademy.org ก็จะมีแบบทดสอบความเข้าใจเรื่องต่างๆ ให้ได้ทดสอบความรู้เช่นเดียวกับการเรียนในโรงเรียน ที่สำคัญตอนนี้เว็บ Khan Academy มีเนื้อหาเป็นภาษาไทยแล้วที่ https://th.khanacademy.org/ ไม่ต้องพึ่งติวเตอร์ดังๆ ราคาแพงๆ ก็ศึกษาเองที่บ้านได้             สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> Khan Academy             คัดลอกข่าวมาจาก :  http://manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020917        ติดตามข้อมูลดีๆ ด้านการศึกษาได้ที่  http://manager.co.th/Campus/ViewBrowse.aspx?BrowseNewsID=9215

Share on Google Plus

ประกาศจาก Unknown

ประกาศ! ขอความร่วมมือให้ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนที่มีไฟล์ข้อมูล สื่อ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการศูนย์ ทั้งที่ได้จากการอบรม หรือจากการส่งมอบเป็นคู่มือจากทางบริษัทรับงาน ได้โปรดส่งไฟล์ที่เป็นข้อมูลให้ทีมงานรวบรวมที่อีเมล centralict.info@gmail.com ขอบคุณค่ะ